ทุกเว็บไซต์ต้องการเว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีที่อยู่และทำให้ผู้เข้าเว็บสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันมีตัวเลือกมากมายสำหรับบริการเว็บโฮสติ้งที่มีราคาและฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการเว็บโฮสติ้งแบบไหนมีอะไรบ้าง รวมถึงหาผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับคุณ โดยการพิจารณาเลือกเว็บโฮสติ้งจะต้องคำนึงถึงในคุณสมบัติด้านต่างๆ อันได้แก่ ความเร็ว ความปลอดภัย การสนับสนุนการใช้งาน ความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาด ราคา และสภาพแวดล้อมของเว็บโฮสติ้ง
ความเร็ว (Speed)
ผู้เยี่ยมชมเว็บคาดหวังว่าเว็บไซต์ของคุณจะโหลดภายใน 2 วินาที หากใช้เวลานานกว่านั้น มันก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะออกจากเว็บคุณสูง อีกทั้งทาง Search Engine ของ Google ยังใช้ความเร็วของการโหลดหน้าเว็บเป็นปัจจัยในการจัดอันดับอีกด้วย ดังนั้นประสิทธิภาพของเว็บไซต์ที่ช้าอาจส่งผลเสียต่ออันดับการค้นหาเว็บไซต์ของคุณและทำให้ลูกค้าเห็นเว็บคุณในผลการค้นหาได้น้อยลง แม้ว่ามันจะมาจากปัจจัยต่างๆ แต่การมีผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่มีเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานรวดเร็วและหน่วยความจำและการประมวลผลที่เพียงพอ เพื่อรองรับความเร็วการโหลดหน้าเว็บที่รวดเร็วถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ
ความปลอดภัย (Security)
การรักษาความปลอดภัยเว็บไซต์ของคุณควรเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เซิร์ฟเวอร์ควรติดตั้งไฟร์วอลล์ที่มีประสิทธิภาพและควรตรวจสอบตลอดเวลาว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติหรือการเข้าถึงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งของคุณควรมีใบรับรอง SSL (Secure Socket Layer) ซึ่งถือเป็นความปลอดภัยที่เข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างเซิร์ฟเวอร์ของคุณและเว็บเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ ทั้งนี้ SSL กำลังกลายเป็นแนวทางปฏิบัติที่ได้มาตรฐานสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดและเป็นสิ่งจำเป็นหากคุณกำลังขายสินค้าหรือรับชำระเงินผ่านเว็บไซต์
การสนับสนุน (Support)
บริษัทของคุณมีความรู้ทางเทคโนโลยีและทรัพยากรภายในและแรงงานในการจัดการเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์หรือไม่ หรือคุณต้องการใช้บริการเว็บโฮสติ้งที่สามารถจัดการทุกอย่างให้คุณได้ หากคุณต้องการให้ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งของคุณช่วยเหลือ คุณต้องแน่ใจว่าพวกเขาสามารถที่จะดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและสามารถเข้าถึงได้ในกรณีที่ไฟดับหรือมีปัญหาอื่นๆ
ความสามารถในการปรับขนาด (Scale)
ลองดูการเข้าชมเว็บไซต์และเนื้อหาปัจจุบันของคุณ คุณคาดว่าจะต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นหรือไม่ หากว่าในอนาคตมีผู้เข้าชมเว็บมากขึ้น เนื้อหามากขึ้นทั้งแบบรูปภาพและวิดีโอ หากเป็นเช่นนั้นคุณควรหาผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่สามารถรองรับการขยายตัวของเว็บไซต์ของได้ในอนาคต
ราคา (Price)
เว็บโฮสติ้งอาจมีค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือนไปจนถึงหลายพันบาทต่อเดือนหรืออาจจะ"ฟรี" ก็ได้ แต่แน่นอนว่า การที่คุณเสียค่าบริการจ่ายไป คุณจะได้คุณภาพกลับมาเท่านั้น โดยปกติเว็บโฮสติ้งแบบ "ฟรี" จะมีเพื่อแลกกับการที่ผู้บริการโฮสติ้งจะขอแสดงโฆษณาของพวกเขาบนเว็บไซต์ของคุณหรือเป็นส่วนเสริมของแพ็กเกจบริการที่สูงขึ้นนั่นเอง สำหรับเว็บโฮสติ้งที่มีราคาถูกอาจหมายความว่าคุณมีความยืดหยุ่นและการเข้าถึงทรัพยากรที่จำกัด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านประสิทธิภาพ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทราบความต้องการของคุณ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องจบลงด้วย “ข้อเสนอพิเศษ” ที่ไม่ตรงกับความต้องการของคุณนั่นเอง
สภาพแวดล้อมของเว็บโฮสติ้ง (Environment)
โดยทั่วไปแล้วโฮสติ้งที่ใช้ร่วมกัน (Shared Hosting) จะเป็นตัวเลือกที่แพงที่สุด แม้ว่าจะมีตัวเลือกอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่า โฮสติ้งที่ใช้ร่วมกันนี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่บนเซิร์ฟเวอร์พร้อมกับเว็บไซต์อื่นๆ เท่ากับว่าคุณกำลังแบ่งปันพื้นที่และทรัพยากรกับเว็บไซต์อื่นๆ บนเซิร์ฟเวอร์เดียวกันอยู่ ดังนั้นหากเว็บไซต์อื่นบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณประสบกับปริมาณการเข้าชมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณอาจได้รับผลกระทบไปด้วย หน้าเว็บอาจโหลดช้าลงหรืออาจไม่สามารถเข้าถึงหน้านั้นๆ ได้ทั้งหมด นอกจากนี้โฮสติ้งที่ใช้ร่วมกันอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกด้วย
ซึ่งในเว็บโฮสติ้งที่เราแนะนำคือเซิร์ฟเวอร์แบบเสมือน (Virtual Private Server: VPS) มันคือเซิร์ฟเวอร์เฉพาะจำลองการทำงานร่วมกับ VPS อื่น ๆ บนเซิร์ฟเวอร์เดียว มันเป็นการจำลองให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง สามารถลงระบบปฏิบัติการ (OS) ได้หลายๆ ตัวและทำงานได้พร้อมกัน โดย VPS ทุกๆ ตัวจะได้รับการจัดสรรทรัพยากรเสมือนจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ออกมาเป็นทรัพยากรส่วนตัว ซึ่งทำให้ท่านสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลบน VPS ของคุณ จะมีความปลอดภัยสูงและสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด นอกจากทรัพยากรที่มากขึ้น VPS ยังช่วยให้คุณควบคุมสภาพแวดล้อมของเว็บโฮสติ้งได้มากขึ้น
สำหรับบริการให้เช่าเซิร์ฟเวอร์ (Dedicated Server) หมายถึงคุณมีเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ใช้งานเฉพาะเว็บไซต์ของคุณ พื้นที่เก็บข้อมูลและอำนาจทั้งหมดเป็นของคุณเพียงคนเดียวและคุณสามารถควบคุมวิธีการใช้เซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย บริษัทที่มีพนักงานไอทีเก่งๆ อาจเลือกเซิร์ฟเวอร์แบบนี้ เพราะว่าพวกเขาจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึงและพร้อมรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นและติดตั้งหรืออัพเดตข้อมูลได้ตามต้องการ แน่นอนว่าหากคุณเลือกแพคเกจแบบเต็มรูปแบบ คุณจะได้รับการดูแลทั้งด้านการบำรุงรักษาและความปลอดภัยสูงสุด
เซิร์ฟเวอร์แบบคลาวด์โฮสติ้ง (Cloud Hosting) จะทำงานบนคลาวด์ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมการประมวลผลของเซิร์ฟเวอร์จริงหลายร้อยเครื่อง เนื่องจากคลาวด์โฮสติ้งไม่ได้จำกัดอยู่ที่เซิร์ฟเวอร์เดียว คุณสามารถปรับขนาดได้โดยการเพิ่มพื้นที่โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้ให้บริการโฮสติ้งหรือกำหนดค่าใหม่ คุณจะจ่ายเฉพาะทรัพยากรที่คุณใช้เท่านั้น โฮสติ้งบนคลาวด์ยังช่วยเพิ่มเวลาให้บริการเว็บไซต์ของคุณได้สูงสุดเนื่องจากคุณไม่ต้องกังวลว่าเซิร์ฟเวอร์จะหยุดทำงานแม้เพียงสักครั้งก็ตาม หากเซิร์ฟเวอร์หนึ่งในระบบคลาวด์ประสบปัญหาเช่นไฟดับ เซิร์ฟเวอร์อื่นๆ จะรับช่วงต่อทันที พูดได้ว่าไม่มีอะไรมาขวางได้เลย